ผู้เขียน: admin

ต้องบอกนะว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของคนที่ทำให้ไตพังนั้น มันเกิดจากตัวเราเองทั้งนั้น เพราะว่ามันจะมีบางเรื่องที่เรายังไม่รู้ และเราว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เช่นกัน

ซึ่งถ้าทำบ่อยๆนั้นอาจจะส่งผลทำให้ค่าไตของคุณนั้นไม่ดีขึ้นได้ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาแนะนำสำหรับคนที่ไม่ทราบว่ามันมีกิจกรรมอะไรบ้าง ที่คุณนั้นทำลงปแล้วส่งผลให้ค่าไตของคุณพังแบบไม่รู้ตัว

 

1.การออกกำลังกายในที่ที่ร้อนจัด

ข้อนี้สำคัญมากเพราะอาจจะทำให้ท่านนั้น ไตพังโดยไม่รู้ตัวเลยนะ เนื่องจากว่าเวลาที่เรานั้นไปออกกำลังกาย บริเวณที่เป็นกลางแจ้งหรือว่าตอนกลางวันที่มีอากาศร้อนสูงมากๆ จะส่งผลทำให้ร่างกายภายในสูงขึ้น อย่างเร็ว ซึ่งถ้าหากว่าตอนนั้น

อากาศนั้นมีความชื้นที่มากขึ้น มันก็จส่งผลทำให้ร่างกายของคุณขับเหงื่อที่อยู่ด้านในได้น้อยลง ซึ่งพอขับเหงื่อได้น้อยลงอุณภูมิในร่างกายของคุณ ก็ไม่ลดลง และวมันจะทำให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย ซึ่งเมื่อถึงระดับนึงแล้วมันจะส่งผลตจ่อไตของเราได้ และจะส่งผลอาจจะทำให้ไตวายเฉียบพลันได้

ดังนั้นแนะนำว่าเวลาที่ท่านจะออกกำลังกายก็ควรที่จะต้องเช็คด้วยนะว่าอุณหภูมิตอนนั้นว่ามันร้อนมากๆรึเปล่า ซึ่งการที่คุณจะออกกำลังกายตอนเที่ยงๆแบบนี้เราไม่ขอแนะนำ หรือว่าจะไปออกกำลังกายที่ที่มันไม่มีอากาศถ่ายเท ที่เป็นห้องปิดโดยจะมีอากาศร้อนด้วย แบบนี้เราไม่แนะนำนะ เพราะมันจะยิ่งไปกันใหย่เลยแหละ 

2.การที่เราดื่มน้ำน้อยเกินไป

เราว่าข้อน้สำคัญมากด้วยเช่นกันเพราะมันเป็นสาเหตุที่เรานั้นพบกับคนทั่วไปได้มาก เราว่าหลายคนมีความละเลยที่จะดื่มน้ำให้เหมาะสม จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่มีการดื่มน้ำหนึ่งแวในตอนเช้า แล้วกว่าจาดื่มอีกทีก็เห็ว่าเป็นตอนบ่ายหรือเย็นเลยทีเดียว ซึ่งแบบนี้จะทำให้ร่างกายของเราขาดน้ำ ซึ่งจะส่งผลทำให้ไตของเขาดน้ำไปด้วยนะ

หน้าที่ของไตก็คือการปรับสมดุลของร่างกาย เช่นน้ำ เกลือต่างๆ ถ้าหากว่าเรามีการดื่มน้ำที่น้อยเกินไปในแต่ละวัน จะส่งผลให้ไตของเรานั้นพังได้ง่าย จะทำให้การทำงานของไตนั้นเสื่อมลงเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องทำคือเราควรที่จะดื่มน้ำให้พียงพอต่อวัน ซึ่งอย่างน้อยๆจะต้องให้ได้ 2 ลิตร ขึ้นไปถึงจะดี หรือว่าถ้าคุณอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัดๆ หรือผู้ที่ออกกังกายหรือมีเหงื่ออกที่เยอะๆ ควรที่จะดื่มน้ำให้มากกว่า 2ลิตรนะคะ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ฮอยอาน่า

Buurtzorg องค์กรดูแลสุขภาพที่บ้านของเนเธอร์แลนด์ หลีกเลี่ยงตำแหน่งผู้บริหารระดับกลาง แต่กลับมอบอำนาจให้พยาบาลดูแลผู้ป่วยตามที่เห็นสมควร Tatiana Sandino และ Ethan Bernstein

สำรวจว่าการลบเลเยอร์ขององค์กรออกและการอนุญาตให้พนักงานตัดสินใจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วยให้พนักงานตัดสินใจได้ด้วยตนเอง

แม้ว่าการตัดสินใจเหล่านั้นอาจถึงชีวิตหรือความตายก็ตาม นั่นคือคำถามที่ถูกตั้งโดย Buurtzorg ซึ่งเป็นองค์กรด้านการดูแลสุขภาพที่บ้านของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้หลีกเลี่ยงผู้บริหารระดับกลางเกือบทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง โดยปล่อยให้ทีมพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยได้ตามที่เห็นสมควร

กรณีศึกษาใหม่ของ Harvard Business School สำรวจโมเดลการกระจายอำนาจของ Buurtzorg ในเชิงลึก พร้อมด้วยบทเรียนสำหรับสถาบันต่างๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องขวัญกำลังใจและประสิทธิภาพการทำงาน แนวทางของ Buurtzorg ให้คะแนนความพึงพอใจของผู้ป่วยซึ่งสูงกว่าองค์กรที่เทียบเคียงกันถึง 30 เปอร์เซ็นต์

โดยมีการขาดงาน การลาออก และค่าใช้จ่ายลดลงถึง 2 ใน 3 “เรารู้ว่าการเลิกจ้างในที่ทำงานเป็นปัญหาใหญ่ในทุกวันนี้ เรายังรู้จากการวิจัยว่าเมื่อพนักงานรู้สึกได้รับอำนาจ พวกเขารายงานว่ามีแรงจูงใจมากขึ้นในที่ทำงาน” “เรารู้ว่าการเลิกจ้างในที่ทำงานเป็นปัญหาใหญ่ในทุกวันนี้

นอกจากนี้เรายังทราบจากการวิจัยว่าเมื่อพนักงานรู้สึกว่าได้รับอำนาจ พวกเขารายงานว่ามีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น” Tatiana Sandino ศาสตราจารย์ Arthur Lowes Dickinson สาขาบริหารธุรกิจที่ HBS และหนึ่งในผู้เขียนกรณีนี้กล่าว “ในระหว่างการสัมภาษณ์และการวิจัยสำหรับกรณีนี้

เราได้ยินเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากพนักงานของ Buurtzorg ที่แนะนำว่าหลายคน (หรือส่วนใหญ่) มีส่วนร่วมอย่างมาก เป็นเจ้าของงานของตนอย่างเต็มที่

กำลังแสวงหาแนวทางที่สร้างสรรค์ในการให้บริการผู้ป่วย และรู้สึกมีแรงบันดาลใจที่จะ ทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้” เหนือสิ่งอื่นใด Buurtzorg เสนอตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ดิ้นรนเพื่อดึงดูด “ผู้เลิกบุหรี่อย่างเงียบๆ” กลับมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลระหว่างต้นทุนที่สูงขึ้น

และสัญญาณทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย บริษัทเริ่มต้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 2549 โดยเป็นยาแก้พิษสำหรับสิ่งที่ผู้ก่อตั้งมองว่าเป็นการดูแลที่มีการจัดการแบบทำลายนวัตกรรม ปัจจุบัน พยาบาลมากกว่า 10,000 คนให้การดูแล

โดยไม่มีภาระผูกพันจากระดับฝ่ายบริหาร ทำให้ตัดสินใจได้อย่างอิสระเกี่ยวกับทุกสิ่ง ตั้งแต่สถานที่ซื้อผ้าพันแผล ไปจนถึงวิธีลงโทษพยาบาลที่หย่อนยาน

“การทำงานในองค์กรที่ไว้วางใจคุณและห่วงใยคุณทำให้สิ่งต่างๆ เป็นไปได้โดยที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน” พยาบาลคนหนึ่งกล่าวในกรณีนี้ “ความคิดสร้างสรรค์เพิ่งเกิดขึ้นนอกกรอบ คุณสามารถได้รับประโยชน์มากมายจากคนๆ หนึ่ง พวกเขานำมาซึ่งประโยชน์มากมาย และมันก็เป็นนวัตกรรมใหม่มากในการทำงานในลักษณะนี้ ฉันหวังว่าคนอื่น ๆ จำนวนมากก็มีสิ่งนั้นเช่นกัน”

บางทีพวกเขาอาจจะทำได้ Ethan Bernstein รองศาสตราจารย์ด้านการบริหารธุรกิจของ Edward W. Conard ที่ HBS และผู้เขียนร่วมของคดีนี้ ถามนักศึกษาของเขาว่าบริษัทอื่นสามารถส่งออกบทเรียนของ Buurtzorg ไปยังอุตสาหกรรมของตนได้หรือไม่

“ในการอภิปรายกรณีของเรา นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็น MBA หรือผู้บริหาร อย่าตัด Buurtzorg ว่าเป็นกรณีที่รุนแรงหรือมีลักษณะเฉพาะ” เขากล่าว ‘เราจะทำเช่นนี้ได้อย่างไรเมื่อเรากลับมาที่องค์กรของเรา‘ และในขณะที่บริษัทต่างๆ เผชิญกับการลดจำนวนพนักงานในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ บางทีพวกเขาควรพิจารณาทำเช่นนั้นในลักษณะที่จะขจัดชั้นของโครงสร้างองค์กรเช่นกัน ”

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

ทำเลที่ตั้งก่อสร้างบ้านหมายถึงสิ่งที่    ฮอยอาน่า   จะต้องคิดรวมทั้งเริ่มมองหาทำเลที่ตั้งที่ถูกอกถูกใจ เป็นขั้นแรกก่อนที่จะทำก่อสร้างบ้าน โดยการทำเลที่ดีนอกจากจะประทับใจเจ้าของบ้านแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุรอบ ๆ ที่จำต้องคิดถึงอย่างเช่น จำเป็นต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความปลอดภัย และก็ความสบาย

สำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตทุกวัน สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ง่าย อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่แบบนั้น คุณก็จะได้บ้านที่ดีแต่อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ห่วย ซึ่งสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนได้ยาก

– สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ บ้านมีความปลอดภัย 

ลำดับแรกของการเลือกทำเลที่ตั้งก่อสร้างบ้านเป็นการพิจารณาถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ที่อยู่ที่อาศัย ด้วยเหตุว่าการมีบ้านในสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสภาพแวดล้อมที่ดีนั้น จะมีผลดีต่อผู้อาศัยรวมทั้งบ้านของพวกเราเอง โดยควรจะเลือกสร้างบ้านที่ไม่อยู่ใกล้ โรงงานอุตสาหกรรม บ่อขยะ สถานเริงรมย์ ท่าอากาศยาน อื่น ๆ อีกมากมาย

เพื่อเลี่ยงมลภาวะทางอากาศ มลพิษทางเสียง รวมทั้งมลพิษที่เกิดจากสภาพแวดล้อม ที่จะทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งยังเป็นตัวการสำคัญ ที่จะทำให้บ้านของพวกเราหมองเก่ารวมทั้งเสื่อมโทรมเร็วอีกด้วย

อีกหนึ่งเรื่อง คือ เจ้าของบ้านน่าจะตรวจเช็กเรื่องราวอาชญากรรม ในรอบ ๆ ทำเลที่ตั้งหรือพื้นที่ใกล้เคียงที่จะก่อสร้างบ้านเหตุว่า มีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือเปล่า โดยสามารถพิจารณาได้ทางอินเทอร์เน็ต เพื่อหาข่าวสารย้อนไปหรือถามคนที่พักอาศัยในแถวนั้น

– ทำเลบ้านสบายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

การเลือกทำเลบ้านที่ดี ควรจะเอื้อให้พวกเราสามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่ตรากตรำ ควรจะเดินทางไป-กลับสถานที่ต่าง ๆ ได้สบาย ดังเช่นว่า การเดินทางไปปฏิบัติงาน ไปสถานศึกษา ไปสถานที่ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปสถานพยาบาลในกรณีรีบด่วน รถพยาบาลควรจะเข้า-ออกง่าย รวมทั้งการเลือกทำเลที่ตั้งที่ไม่ไกลห่างจากห้องอาหาร รวมทั้งร้านค้าซื้อของต่าง ๆ จนกระทั่งเกินความจำเป็น จะช่วยได้ดีในชีวิตประจำวันของพวกเราได้มากเพิ่มขึ้น

– สาธารณูปโภคและก็สาธารณูปการ

ควรที่จะเลือกทำเลบ้านที่สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคได้รอบด้าน ตัวอย่างเช่น ระบบกระแสไฟฟ้า ระบบน้ำประปา หรือแม้กระทั้งระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตในช่วงปัจจุบัน และอยู่ใกล้ระบบสาธารณูปการ ยกตัวอย่างเช่น หน่วยงานบริการต่าง ๆ อย่างเช่น ที่ว่าการอำเภอ โรงพัก ส.ดพ. โรงหมอ รวมทั้งสาธารณูปการด้านนันทนาการ ดังเช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา ทั้งสิ่งกลุ่มนี้ ยังมีความหมายสำหรับการช่วยสนับสนุนคุณภาพชีวิตการดำรงชีวิตให้ดีขึ้น

– แนวโน้มสำหรับเพื่อการเจริญของทำเลที่ตั้งในอนาคต

ทำเลที่ตั้งที่อยู่ที่อาศัยกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรจะคาดเดาไว้ ถ้าในอนาคตทำเลที่ตั้งก่อสร้างบ้านที่พวกเราพึงพอใจ มีลัษณะทิศทางที่จะเป็นด้านเสียมากกว่า ก็ควรจะหลบหลีกที่จะก่อสร้างบ้านรอบๆ นั้น แต่ว่าหากว่าทำเลที่ตั้งนี้มีแผนสำหรับการทำต่าง ๆ

หรือแนวทางปรับปรุงเสริมเติม นำมาซึ่งการทำให้พวกเราได้ประโยชน์ทั้งยังจากความสบายที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งค่าของบ้านที่จะสูงมากขึ้นตามราคาที่ดินรอบ ๆ ในอนาคต เป็นต้นว่า แม้ในอนาคตอยากที่จะขายบ้านข้างหลังนี้ก็ย่อมสามารถขายออกได้ง่าย รวมทั้งสร้างผลกำไรให้แก่เจ้าของบ้านได้

การออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกันเป็นอย่างมาก เพราะการที่เราได้ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ก็จะสามารถช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง ทำให้เรามีรูปร่างที่ดีแถมยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เพราะโดยปกติแล้วการเล่นกีฬาหรือแม้แต่การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายของเราสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงได้ ทำให้ร่างกายของเราสามารถลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายอีกด้วย

จึงทำให้การออกกำลังกายในสมัยปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมและคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายหรือแม้แต่ยากเองก็ตาม ฉะนั้นหากใครที่ต้องการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงการออกกำลังกายเป็นประจำต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

จะไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเครียดหรือทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากการทำงาน แต่ยังเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีและทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มองว่าการออกกำลังกายไม่ได้มีความสำคัญวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า ข้อดีของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้างไปดูกันเลย

• ช่วยให้ร่างกายกระปี้กระเปร่า

อย่างที่เราทราบกันดีว่าการออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาความเครียดแล้วทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ ยิ่งถ้าเป็นการออกกำลังกายที่เราชื่นชอบก็จะยิ่งทำให้เราอยากที่จะออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อเป็นการทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายในช่วงเช้าเช้าหรือหลังตื่นนอนก็จะช่วยปลุกร่างกายของเราให้กระปี้กระเปร่าและรู้สึกสดชื่นได้นั่นเอง

• ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ

คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้นอกจากการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงแล้ว คงอยากที่จะสร้างระบบเผาผลาญร่างกายของตนเองให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การสร้างรูปร่างหรือสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขอบอกเลยว่าข้อดีของการออกกำลังกายเป็นประจำต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ก็จะช่วยปรับสมดุลร่างกายของเราให้ดีมากขึ้น ทำให้ร่างกายกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

• ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน

เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราได้เคลื่อนไหวจากการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง แต่ทำให้ร่างกายของเราหลั่งสารเอนโดฟิน ซึ่งเป็นสารที่หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าเป็นสารแห่งความสุข หากใครที่มีความเครียดจากการทำงานสะสม การที่เราออกกำลังกายเป็นประจำต่อเนื่องกันเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายของเรารังสารชนิดนี้ออกมาเพื่อทำให้เรามีความสุขได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

 ปัญหาที่เกี่ยวกับตามีหลายประการ และต้องการการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

1.สายตาสั้น (Myopia): หรือที่เรียกว่า “สายตาบวม” คือการมองเห็นวัตถุที่ใกล้มีชัดเจน แต่การมองเห็นวัตถุที่ไกลอาจไม่ชัดเจน น้อยๆ ก็เรียกว่า “เป็นสายตาสั้น” ในกรณีนี้, เจ้าของตาอาจต้องใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา

2.สายตายาว (Hyperopia): หรือที่เรียกว่า “สายตายาว” คือการมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ส่วนการมองเห็นวัตถุที่ไกลอาจมีชัดเจน การใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์สามารถช่วยปรับปรุงได้

3.กระดาษตา (Presbyopia): เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อตาสูญเสียความสามารถในการโฟกัสตัวต่อโฟกัสตามที่เรามีในวัยเยาว์ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และส่วนใหญ่จะต้องใช้แว่นตาสำหรับการอ่านหรือการทำกิจกรรมใกล้ชิด

4.โรคต้อกระจกตา (Astigmatism): เป็นสภาวะที่ทำให้รูร้อยตามรูปแบบที่ผิดปกติ ทำให้มองเห็นภาพที่บิดเบี้ยวหรือเบลอ

5.การต้องการการรักษาผ่าตัด: ในบางกรณี, การต้องการรักษาผ่าตัด เช่น ลาสิก, เพื่อปรับปรุงการมองเห็นอาจเป็นทางเลือกที่พิจารณาได้

6.โรคตาชัก (Glaucoma) และต้อหินตา (Cataracts): เป็นโรคตาร้ายแรงที่สามารถทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ และต้องรับการรักษาโดยแพทย์

7.การติดเชื้อหรือการอักเสบในตา: อาจเกิดจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อที่ทำให้ตาแดง บวม หรือมีน้ำตาไหล

8.อาการอื่นๆ: มีหลายอาการอื่นที่เกี่ยวข้องกับตา เช่น ตาแห้ง, ตาพร่า, หรือติดคอแว่น

หากคุณพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตา, ควรพบแพทย์ตาเพื่อการประเมินและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง. การดูแลตาและรักษาตาในระยะเร็วมีความสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพตาในระยะยาว

 

การดูแลดวงตา

การดูแลดวงตาเป็นส่วนสำคัญของการรักษาสุขภาพทั่วไป และสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาตาหลายประการได้. นี่คือบางแนวทางในการดูแลดวงตา

1.ทำตาสม่ำเสมอ (Blink Regularly): การทำตาสม่ำเสมอช่วยในการรักษาความชุ่มชื่นในตาและลดความเหนื่อยของตา

2.พักผ่อนตา (Eye Rest): หลังจากทำงานหรือใช้เวลาในการมองทีวีหรือหนังสือ เพื่อให้ตาได้พักผ่อน ควรทำการพักตาอย่างน้อยทุก 20 นาที โดยการหันหน้าออกจากหน้าจอ และทำการมองไกล

3.รักษาสภาพอากาศในระดับที่เหมาะสม: สภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำอาจทำให้ตาแห้ง ใช้เครื่องทำความชื้นหากจำเป็น

4.ใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ตาถูกต้อง: หากมีปัญหาทางตาเช่นสายตาสั้น, สายตายาว, หรืออื่นๆ ควรใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ตาตามคำแนะนำของแพทย์

5.บริหารสุขภาพทั่วไป: การรักษาสุขภาพทั่วไปอย่างดี รวมถึงการออกกำลังกาย, การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, และการลดการสูบบุหรี่ สามารถส่งผลต่อสุขภาพตาได้

6.ป้องกันจากแสงแดด: การใส่แว่นตากันแสงแดดที่มีความคุ้มกัน UV สามารถช่วยป้องกันตาจากการได้รับรังแส UV ที่อันตราย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ